โรคและการรักษา
องค์ 4 ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีเสี่ยงมีผู้ป่วยเป็นโรคนี้สูง เพราะอยู่โซนภูมิอากาศที่มีการแพร่ระบาดของไข้เลือดออกในระดับสูง ดังนั้น การทำความเข้าใจเรื่องโรคไข้เลือดออกให้ดี จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ จะได้รู้เท่าทันและดูแลตัวเองให้ปลอดภัยห่างไกลจากโรคนี้ให้ได้มากที่สุด
Dengue Fever ไข้เลือดออกป้องกันได้
ข้อมูล โดยแพทย์ นพ.ธีรพงศ์ ประเสริฐถาวรศิริ ผู้เขียน ชุดกาวสีน้ำเงิน ภาพประกอบ ชุดกาวสีน้ำเงิน

"ในทุกวันนี้โรคไข้เลือดออกยังคงเป็นหนึ่งในโรคที่คร่าชีวิตคนไทยเป็นจำนวนมากทุกปี
โดยมีเชื้อไวรัส “เด็งกี่” ซึ่งมีอยู่ด้วยกันถึง 4 สายพันธุ์เป็นตัวการสำคัญ ทั้งนี้ผู้ที่เคยเป็นโรค
ไข้เลือดออกมาแล้วยังสามารถที่จะเป็นซ้ำได้ และการเป็นซ้ำก็จะมีความเสี่ยงที่จะกลายเป็น
โรคไข้เลือดออกชนิดรุนแรงซึ่งเพิ่มโอกาสในการเสียชีวิต“การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออก” จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม เพราะมีส่วนช่วยในการป้องกันโรคไข้เลือดออกได้มากถึง 82% ในผู้ที่เคยติดเชื้อมาก่อน
ใครบ้างควรฉีดวัคซีนไข้เลือดออก?
1.ผู้ที่เคยติดเชื้อมาก่อน
การฉีดวัคซีนไข้เลือดออกแนะนำให้ฉีดในกลุ่มนี้
เพราะผู้ที่เคยติดเชื้อมาแล้วแม้ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันในตัวแต่ก็อาจกลับมาเป็นซ้ำและมีอาการรุนแรงขึ้นกว่าเดิมได้
2. ผู้ที่ไม่เคยมีประวัติ
ไม่สามารถการันตีตัวเองได้ว่าไม่เคยติดเชื้อมาก่อน
เพราะผู้ติดเชื้อไวรัสเด็งกี่มีจำนวนไม่น้อยที่ไม่แสดงอาการ

องค์การอนามัยโลก (WHO)ได้แนะนำให้ทำการตรวจเลือดก่อนได้รับวัคซีน เพื่อคัดกรองให้เหมาะสมเสียก่อน ว่าควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกหรือไม่?
สำหรับผู้ที่ตรวจเลือดแล้ว มีผลปรากฏว่า ไม่เคยติดเชื้อมาก่อนจะยังไม่แนะนำให้ฉีดวัค และ สำหรับผู้ที่เคยติดเชื้อไวรัสเด็งกี่ มาแล้วจะเป็นกลุ่มที่ต้องได้รับวัคซีน โดยหากได้รับวัคซีนแล้วจะช่วยป้องกันโรคได้ดีมากยิ่งขึ้น อีกทั้งช่วยลดโอกาสเสี่ยงจากการเป็นไข้เลือดออกชนิดรุนแรงได้มากถึง 84% และลดอัตราการเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลได้ถึง 79%
ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีเสี่ยงมีผู้ป่วยเป็นโรคนี้สูง เพราะอยู่โซนภูมิอากาศที่มีการแพร่ระบาดของไข้เลือดออกในระดับสูง ดังนั้น การทำความเข้าใจเรื่องโรคไข้เลือดออกให้ดี จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ จะได้รู้เท่าทันและดูแลตัวเองให้ปลอดภัยห่างไกลจากโรคนี้ให้ได้มากที่สุด
Rapid Diagnostic Tests คือ?
Rapid Diagnostic Tests ชุดตรวจการเคยติดเชื้อไวรัสไข้เลือดออก ซึ่งสามารถตรวจพบการติดเชื้อไข้เลือดออกได้ทั้ง 4 สายพันธุ์ มีความไวและความจำเพาะเจาะจงที่สูงในการทดสอบ โดยเป็น RDT ตัวแรกที่ใช้เพื่อที่จะระบุสถานะภูมิคุ้มกันต่อโรคไข้เลือดออก (Dengue serostatus) จากการติดเชื้อในอดีต มีความไวมากกว่า 95% และมีความจำเพาะ 98% ซึ่งต่างจากการตรวจอื่นๆ ที่มีใช้ในปัจจุบันที่ใช้เพื่อการวินิจฉัยโรคเท่านั้น การตรวจโดยใช้ชุดตรวจ RDT นั้น ก็คล้ายกับการเจาะเลือดตรวจทั่วไป คือ เก็บตัวอย่างเลือดส่งตรวจ และใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที ก็จะทราบผลว่า เคยติดเชื้อไวรัสเด็งกี่มาก่อนหรือไม่

สำหรับการป้องกันไข้เลือดออกที่มีประสิทธิภาพที่สุด ก็คือ การไม่ปล่อยให้ถูกยุงกัด และในส่วนของผู้ที่เคยมีประวัติเป็นไข้เลือดออกมาแล้ว การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกก็จะทำให้ช่วยป้องกันการเป็นซ้ำที่รุนแรงได้มากขึ้น โดยวัคซีนไข้เลือดออกนั้นจะต้องฉีด 3 เข็ม ฉีดห่างกันเข็มละ 6 เดือน ส่วนใครที่ไม่เคยมีประวัติมาก่อน หรือไม่แน่ใจว่าตัวเองเคยติดเชื้อไข้เลือดออกมาก่อนหรือไม่ ก็สามารถเข้ารับการตรวจเลือดด้วยชุดตรวจการเคยติดเชื้อในอดีต Rapid Diagnostic Tests ได้ เพื่อคัดกรองให้มั่นใจได้ว่า ควรได้รับการฉีดวัคซีนไข้เลือดออกเพื่อป้องกันความเสี่ยงในการเกิดซ้ำรุนแรงหรือไม่"

นพ. สุนทร อุ้ยศรีคูณ
แพทย์อายุรกรรม สาขาอายุรกรรมทั่วไป
" เรื่องสุขภาพเป็นเรื่องใกล้ตัว ให้เราดูแล เฉพาะโรคนี้อันตรายกับคนไทยมากๆ น้อยคนที่จะรู้ว่า ตัวเองมีเชื้อ ยิ่งประเทศเราอยู่โซนเขตร้อนเราต้องดูแล... "